ฉันยังไม่รู้ถึงวันข้างหน้า ว่าจะทำงานอะไร แต่ฉันรู้ว่าจะดำรงอยู่และใช้ชีวิตอย่างไรนได้จริง

 

ตลอดระยะเวลาของปี ๒๕๕๔ นับตั้งแต่ฉันเข้ามาเรียนต่อระดับปริญญาโท สาขาจิตตปัญญาศึกษา ณ รั้วมหิดล คำถามที่มักได้ยินและถูกไถ่ถามเสมอ ฉันเฝ้าเพียรตอบคำถามครั้งแล้วครั้งเล่า จากกล้อมแกล้มไม่แน่ใจ จนเมื่อเวลาผ่านไป ฉันเริ่มตอบแบบอัตโนมัติประหนึ่งโน้ตที่ท่องจำเพื่อสอบ อดีตมนุษย์เงินเดือน เจ้าหน้าที่กองบรรณาธิการ หัวหน้างาน ผู้จัดการทั่วไป จนถึงกรรมการบริษัทฯ การไต่เต้าตามลำดับขั้น ความสำเร็จจากผลงานและความเอาใจใส่ในหน้าที่รับผิดชอบ ผลตอบแทนด้านรายได้และสังคม กลับไม่ทำให้ฉันค้นพบความสุขได้อย่างแท้จริง ฉันเริ่มตั้งคำถามกับชีวิต และค้นหาหนทางเดินที่ความปรารถนาเบื้องลึกเรียกร้อง
"ฉันยังไม่รู้ถึงวันข้างหน้า ว่าจะทำงานอะไร แต่ฉันรู้ว่าจะดำรงอยู่และใช้ชีวิตอย่างไร"
(รายงานแผนที่ชีวิต เทอม ๑)

๒ มกรา ๒๕๕๗
สายลมหนาวพัดมาปะทะร่างในยามอรุณรุ่ง ฉันลืมตาตื่นค่อยๆ พยุงกายเดินลงมาสำรวจบ้าน เดือนที่ผ่านมาได้มีเวลาอยู่สถานที่นี้เพียง ๒ วัน ฉันใช้ช่วงเวลาเช้า เขียนจดหมายตอบกลับให้ผู้ต้องขังชาย เรือนจำกลางบางขวาง สองปีใหม่แล้วที่ฉันได้รับข้อความอวยพรให้กำลังใจ ฉันมีโอกาสได้เข้าไปทำงานภายในเรือนจำมหันตโทษแห่งนี้ ผ่านโครงการเรื่องเล่าจากแดนประหารที่ทางศูนย์จิตตปัญญาไปทำงานด้านประเมิน การเดินทางเข้าไปสัมผัสชีวิตผู้คนเบื้องหลังกำแพงไม่ง่ายนัก ทว่ามันกลับทำให้ฉันกลับมาตระหนักรู้ตนเองมากขึ้น เห็นความเชื่อมโยงของสรรพสิ่งที่สัมพันธ์กันทั้งหมด ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นล้วนเป็นผลมาจากเหตุในอดีต และการกระทำของเราในวันนี้ย่อมส่งผลถึงวันข้างหน้า ฉันส่งผ่านคำพูดของครู ไปยังผู้ต้องขัง ผ่านสมุดบันทึกของเขา ทำทุกวันให้ดี เท่าที่จะทำได้ ตามมี ตามได้ ตามกำลัง เราจะเป็นกำลังใจให้กันและกัน...
จดหมายที่เปิดอ่านมีหลากหลายความรู้สึก

 

"ศาลฎีกาตัดสินแล้ว ยืนตามศาลอุทธรณ์ คือประหารชีวิต ตอนนี้ทำทูลเกล้าอยู่ครับ คงอีกนานถึงได้กลับบ้าน ครูไม่ต้องเป็นห่วงนะ ผมทำใจได้..."


อีกฉบับเป็นรูปภาพของคนที่ฉันจดจำได้ดี สิบปีที่ถูกคุมขัง วันนี้ได้มีโอกาสออกไปบวชทดแทนคุณให้แม่ ศึกษาธรรมตามที่ตั้งใจ ภาพถ่ายครองจีวรสีเหลือง พร้อมข้อความว่า "ขอมอบบุญความดีงามนี้ให้โยม อ.หมู จงมีแต่ความสุขกาย สุขใจ ตลอดไป"
บนเส้นทางเดินของแต่ละคน หลายคนยังคงวนเวียนป้วนเปี้ยนอยู่ในวิถีทางเดิม ขณะที่หลายคนหลุดพ้นพันธนาการที่หน่วงเหนี่ยวจิตใจไว้ สำคัญที่การได้กลับเข้ามาหมั่นสังเกต เรียนรู้มิติภายในตัวเอง ก่อนสะท้อนออกไปยังปรากฏการณ์ภายนอกที่เราเผชิญ วันนี้กับการเดินทางไปจัดกระบวนการเรียนรู้แนวจิตตปัญญา ให้กับบุคลากรในวงการสาธารณสุข และการถ่ายทำรายการสารคดีโทรทัศน์ โดยใช้พื้นความรู้ตามสายวิชาชีพที่เคยร่ำเรียนมา ร่างกายที่เหนื่อยล้าทว่าหัวใจกลับเปี่ยมสุข ฉันนำจิตตปัญญามาใช้กับตัวเอง กับครอบครัว เพื่อนฝูง คนรอบข้าง ผู้คนที่ผ่านเข้ามาในชีวิต ส่งต่อขยายออกไปยังชุมชน สังคม การเชื่อมประสานองค์ความรู้และประสบการณ์ชีวิต ทำให้ค้นพบคุณค่าและความหมายในสิ่งต่างๆ ที่อยู่รายรอบ แต่ละย่างก้าวเป็นไปด้วยความอบอุ่นมั่นคง และใจสัมผัสกับความงดงามแห่งชีวิต ที่ฉันค้นหามาอย่างยาวนาน...

 

ประภาพร อนุมานไพศาล
นักศึกษาจิตตปัญญาศึกษา รุ่น 3


Views : 278